ในยุคที่ความยั่งยืน (Sustainability) และประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) กลายเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจ การวัดผลและรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) หรือคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรได้อย่างแม่นยำและโปร่งใส ได้กลายเป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง องค์กรทั่วโลกกำลังเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากนักลงทุน ลูกค้า หน่วยงานกำกับดูแล และสังคมโดยรวมให้แสดงความรับผิดชอบต่อผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม 

การคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกครอบคลุมทั้ง Scope 1, 2 และ 3 เป็นงานที่ซับซ้อนและใช้ทรัพยากรสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องอาศัยวิธีการคำนวณแบบดั้งเดิม (Manual Calculation) ซึ่งเสี่ยงต่อความผิดพลาดและขาดประสิทธิภาพ PALO IT ประเทศไทย เข้าใจความท้าทายที่ลูกค้าของเราต้องเจอ จึงได้พัฒนาโมดูล “Impact Tracker” ที่เป็นเทคโนโลยีระบบการคำนวณ GHG อัตโนมัติ (Automated Systems) เข้ามาใช้ จึงเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยให้องค์กรสามารถบริหารจัดการข้อมูล GHG ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น  

GHG Scope 1, 2 และ 3 คืออะไร

ก่อนจะลงลึกถึงระบบอัตโนมัติ เรามาทบทวนความเข้าใจเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้ง 3 ขอบเขต ตามมาตรฐาน GHG Protocol: 

Scope 1: การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรง (Direct Emissions)

คือ การปล่อยก๊าซที่เกิดจากกิจกรรมที่องค์กรเป็นเจ้าของหรือควบคุมโดยตรง เช่น การเผาไหม้เชื้อเพลิงในหม้อไอน้ำ, การใช้ยานพาหนะของบริษัท, หรือการรั่วไหลของสารทำความเย็น

Scope 2: การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากการใช้พลังงาน (Indirect Emissions from Purchased Energy)

คือ การปล่อยก๊าซจากการผลิตไฟฟ้า, ความร้อน, หรือไอน้ำ ที่องค์กรซื้อมาใช้งาน

Scope 3: การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมอื่นๆ ในห่วงโซ่คุณค่า (Other Indirect Emissions from Value Chain) 

คือ เป็นขอบเขตที่กว้างและซับซ้อนที่สุด ครอบคลุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้นในห่วงโซ่คุณค่าขององค์กร ทั้งต้นน้ำ (Upstream) และปลายน้ำ (Downstream) เช่น การจัดซื้อวัตถุดิบ การขนส่ง การเดินทางของพนักงาน การจัดการของเสีย และการใช้งานผลิตภัณฑ์ของลูกค้า 

  • Category 1 Purchased Goods and Services การผลิตสินค้าและบริการที่องค์กรซื้อเข้ามาใช้
  • Category 2 Capital Goods การผลิตสินค้าทุน 
  • Category 3 Fuel- and Energy - Related Activities กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับเชื้อเพลิงและพลังงาน (การได้มาของเชื้อเพลิงและพลังงาน)
  • Category 4 Upstream Transportation and Distribution การขนส่งและการจัดจำหน่ายสินค้าหรือวัตถุดิบต้นน้ำตั้งแต่ site ของ supplier จนมาถึง site ของ องค์กร 
  • Category 5 Waste Generated in Operation การจัดการของเสียที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมขององค์กร
  • Category 6 Business Travel การเดินทางของพนักงานเพื่อธุรกิจ เช่น ประชุม สัมมนา เดินทางไปพบลูกค้า
  • Category 7 Upstream Leased Asset การเดินทางไป-กลับของพนักงานจากบ้านถึงออฟฟิศ
  • Category 8 Upstream Leased Asset สินทรัพย์หรือยานพาหนะที่องค์กรเช่า 
  • Category 9 Downstream Transportation and Distribution การขนส่งและการจัดจำหน่ายสินค้าออกจากองค์กรไปยังผู้ใช้ปลายทาง  
  • Category 10 Processing of Sold Product การแปรรูปสินค้าที่องค์กรจำหน่าย 
  • Category 11 Use of Sold Product การใช้งานผลิตภัณฑ์ของลูกค้าที่ซื้อสินค้าขององค์กร
  • Category 12 Processing of Sold Product การจัดการของเสียหลังการใช้งานหรือหมดอายุของผลิตภัณฑ์ที่องค์กรจำหน่ายให้แก่ลุกค้า
  • Category 13 Downstream Leased Asset การปล่อยเช่าสินทรัพย์หรือยานพาหนะที่องค์กรเป็นเจ้าของ
  • Category 14 Franchises กิจกรรมของแฟรนไชส์ที่องค์กรเป็นเจ้าของ
  • Category 15 Investment การลงทุนในกิจการหรือโครงการต่างๆขององค์กร

ทำไมระบบอัตโนมัติจึงเป็นคำตอบสำหรับการคำนวณ GHG? 

การเปลี่ยนผ่านจากกระบวนการคำนวณ GHG แบบเดิมๆ ที่ใช้ Spreadsheet หรือการป้อนข้อมูลด้วยมือ ไปสู่ระบบอัตโนมัติ มอบประโยชน์แก่องค์กรในหลากหลายมิติ

1. ความแม่นยำสูงและลดความผิดพลาด (Increased Accuracy and Reduced Errors)

ระบบอัตโนมัติช่วยลดความผิดพลาดที่เกิดจากมนุษย์ (Human Error) ในการรวบรวมข้อมูล, การคำนวณ, และการแปลงหน่วย ซอฟต์แวร์เฉพาะทางมักจะมาพร้อมฐานข้อมูล Emission Factor ที่เป็นปัจจุบันและได้รับการยอมรับตามมาตรฐานสากล ทำให้ผลลัพธ์มีความน่าเชื่อถือสูง

2. ประสิทธิภาพและประหยัดเวลา (Improved Efficiency and Time Savings)

มีการพัฒนา template เพื่อให้เหมาะสมกับแต่ละขอบเขตการรายงานของก๊าซเรือนกระจกและอัพโหลดเข้าสู่ระบบได้โดยอัตโนมัติ ช่วยลดระยะเวลาที่บุคลากรต้องใช้ในการคำนวณข้อมูล ทำให้พวกเขาสามารถมุ่งเน้นไปที่การวิเคราะห์ข้อมูลและวางกลยุทธ์การลด GHG ได้มากขึ้น

3. ความครอบคลุมและสม่ำเสมอ (Comprehensive Coverage and Consistency)

ระบบอัตโนมัติช่วยให้การเก็บข้อมูลเป็นไปอย่างสม่ำเสมอและครอบคลุม โดยเฉพาะ Scope 3 ซึ่งมีแหล่งข้อมูลกระจัดกระจายและซับซ้อน การตั้งค่าระบบให้เก็บข้อมูลตามรอบเวลาที่กำหนดช่วยให้ไม่พลาดข้อมูลสำคัญ 

4. การบริหารจัดการข้อมูลและการตรวจสอบที่ง่ายขึ้น (Better Data Management and Auditability)

ข้อมูล GHG ทั้งหมดจะถูกจัดเก็บอย่างเป็นระบบในแพลตฟอร์มเดียว สร้าง Audit Trail ที่ชัดเจน ทำให้กระบวนการตรวจสอบทั้งภายในและจากผู้ตรวจสอบภายนอก (Third-party Verification) เป็นไปได้อย่างรวดเร็วและโปร่งใส

5. การวิเคราะห์เชิงลึกและการตัดสินใจที่ดีขึ้น (Advanced Analytics and Better Decision-Making)

ซอฟต์แวร์คำนวณ GHG อัตโนมัติมักมาพร้อมเครื่องมือวิเคราะห์และแดชบอร์ด (Dashboard) ที่แสดงผลข้อมูลในรูปแบบที่เข้าใจง่าย ช่วยให้ผู้บริหารมองเห็นแนวโน้ม, ระบุ Hotspot ของการปล่อย GHG, และประเมินประสิทธิภาพของโครงการลดการปล่อยก๊าซฯ เพื่อประกอบการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ 

6. ความสามารถในการปรับขนาดและรองรับอนาคต (Scalability and Future-Proofing)

เมื่อธุรกิจเติบโตหรือมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างองค์กร ระบบอัตโนมัติสามารถปรับขนาดตามได้อย่างยืดหยุ่น นอกจากนี้ยังสามารถอัพเดตให้สอดคล้องกับมาตรฐานการรายงานหรือกฎระเบียบใหม่ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

7. สนับสนุนการรายงานและการสื่อสาร (Supports Reporting and Communication)

ระบบสามารถสร้างรายงานในรูปแบบต่างๆ ตามมาตรฐานสากล เช่น GRI, CDP, TCFD หรือตามข้อกำหนดเฉพาะของหน่วยงานกำกับดูแล ช่วยให้การสื่อสารข้อมูล ESG กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

องค์ประกอบสำคัญของระบบคำนวณ GHG อัตโนมัติ 

  • การเชื่อมต่อและรวบรวมข้อมูล (Data Integration and Collection)ความสามารถในการเชื่อมต่อกับระบบต่างๆ ภายในองค์กร (เช่น ERP, ระบบบัญชี, ระบบ SCADA) และแหล่งข้อมูลภายนอก 
  • ฐานข้อมูล (Emission Factors) เข้าถึงและอัพเดต Emission Factor ที่เป็นปัจจุบันและได้รับการยอมรับในระดับสากล 
  • เครื่องมือคำนวณ (Calculation Engine)กลไกการคำนวณที่สอดคล้องกับหลักการของ GHG Protocol และมาตรฐานอื่นๆ 
  • การจัดการข้อมูลกิจกรรม (Activity Data Management)ระบบจัดเก็บและจัดการข้อมูลกิจกรรม (เช่น ปริมาณการใช้พลังงาน, ปริมาณการใช้เชื้อเพลิง, ระยะทางการขนส่ง) อย่างมีประสิทธิภาพ 
  • เครื่องมือวิเคราะห์และรายงานผล (Analytics and Reporting Tools)แดชบอร์ด, กราฟ, และความสามารถในการสร้างรายงานที่ปรับแต่งได้ 
  • การติดตามเป้าหมาย (Target Tracking)ฟังก์ชันติดตามความคืบหน้าเทียบกับเป้าหมายการลด GHG ที่ตั้งไว้ 

PALO IT Impact Tracker ช่วยคำนวณ GHG ให้ง่ายขึ้นยังไง 

PALO IT Impact Tracker ไม่ใช่แค่เครื่องมือในการคำนวณ แต่คือ แพลตฟอร์มสำหรับบริหารจัดการข้อมูล ESG (ESG Data Management Platform) หัวใจสำคัญของแพลตฟอร์มนี้คือความสามารถในการปรับแต่งได้ตามความต้องการของแต่ละองค์กร (Customizable) และถูกออกแบบมาในโครงสร้างแบบโมดูล ที่ให้องค์กรสามารถเลือกใช้เฉพาะส่วนที่จำเป็นต่อธุรกิจของในแต่ละช่วงเวลาได้ 

จากโมดูลที่เรามี หนึ่งในโมดูลที่องค์กรต่างๆให้ความสนใจและต้องการเริ่มต้นนำไปใช้มากที่สุดในปัจจุบัน เพื่อตอบสนองต่อกฎเกณฑ์และความคาดหวังด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ คือ โมดูลที่เกี่ยวข้องกับ การจัดทำบัญชีก๊าซเรือนกระจก  (GHG Inventory)  

  • มี Templateให้ดาวน์โหลดตามมาตรฐานการรายงาน GHG
    จากข้อมูลที่มีอยู่ขององค์กร โดยระบบมีเทมเพลตให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดเพื่อกรอกข้อมูล ครอบคลุมทั้งสโคปที่ 1 2 และ ตามมาตรฐานการรายงาน GHG

    Templateให้ดาวน์โหลดตามมาตรฐานการรายงาน GHG

  • ช่วยระบุค่าสัมประสิทธิ์ก๊าซเรือนกระจก (Assign emission factor) และตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล
    แต่ละกิจกรรมที่องค์กรทำการป้อนข้อมูลของแต่ละ Scope ระบบจะมีการทำการตรวจสอบเพิ่มเติม เช่น การแจ้งเตือนกิจกรรมที่ซ้ำกัน การเขียนชื่อของกิจกรรมหรือชื่อของ emission factor ที่ไม่ถูกต้อง ทำให้ระบบ assign ค่าไม่ได้ หรือการกรอกข้อมูลในคอลัมน์ที่ระบบต้องใช้ในการคำนวณไม่ครบถ้วน ระบบจะแจ้งให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดข้อมูลเพื่อตรวจสอบอีกครั้ง และทำการป้อนข้อมูลใหม่

    Screenshot 2568-06-27 at 10.43.33-1

  • มีระบบคำนวณก๊าซเรือนกระจก (Emission calculation) อัตโนมัติ
    เมื่อระบบสามารถ assign ค่า emission factor สำหรับทุกขอบเขตได้แล้ว ผู้ใช้สามารถกด  “Calculate” เพื่อให้ระบบคำนวณค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับองค์กร 
    Emission calculation

  • Dashboard Overview แสดงผลก๊าซเรือนกระจก
    ผู้ใช้สามารถเลือกการแสดงผลผ่านฟิลเตอร์ของระบบเพื่อเลือกข้อมูลเฉพาะส่วนที่สนใจได้ 
    - เลือกตามปีที่รายงาน (Reporting Year): เพื่อดูข้อมูลย้อนหลัง เปรียบเทียบผลการดำเนินงานในแต่ละปี หรือตรวจสอบข้อมูลล่าสุด 
    - เลือกตามขอบเขตของก๊าซเรือนกระจก (GHG Scope):สามารถเลือกดูเฉพาะ Scope 1 (การปล่อยโดยตรง), Scope 2 (การปล่อยทางอ้อมจากการใช้พลังงาน), Scope 3 (การปล่อยทางอ้อมอื่นๆ) หรือดูทั้งหมดพร้อมกันได้  หลังจากเลือกฟิลเตอร์แล้ว ระบบจะแสดงผลข้อมูลสำคัญต่างๆ เช่น  ปริมาณก๊าซเรือนกระจกรายปี ปริมาณก๊าซเรือนกระจกรายเดือน แนวโน้มของก๊าซเรือนกระจก (Trends) 

    Screenshot 2568-06-27 at 10.56.54 

  • Dashboard breakdown แสดงผลการแจกแจงรายละเอียดก๊าซเรือนกระจก
    เป็นส่วนที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเจาะลึกถึงองค์ประกอบและแหล่งที่มาของก๊าซเรือนกระจกที่แสดงในภาพรวมได้ละเอียดยิ่งขึ้น หลังจากที่เห็นภาพใหญ่จาก Dashboard Overview แล้ว ส่วนนี้จะช่วยให้เข้าใจว่า "ทำไม" ตัวเลขเหล่านั้นจึงเป็นเช่นนั้น และ "อะไร" คือปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซฯ ผู้ใช้สามารถเลือกดูการแจกแจงข้อมูลได้หลายมิติ เช่น
    - จำแนกตามกิจกรรม (Activity Breakdown) เช่น การปล่อยก๊าซฯ จากการใช้เชื้อเพลิงในกระบวนการผลิต, จากการใช้ยานพาหนะของบริษัท, จากการใช้ไฟฟ้าในอาคารต่างๆ 
    - จำแนกตามแหล่งกำเนิด (Source Breakdown) เช่น แยกตามประเภทเชื้อเพลิง (ดีเซล, เบนซิน, ก๊าซธรรมชาติ), แยกตามโรงงานหรือสาขาที่ตั้ง
    - จำแนกตามหน่วยงาน/แผนก (Department Breakdown) เพื่อดูว่าแผนกใดมีส่วนในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากน้อยเพียงใด 
    -  จำแนกตามหมวดหมู่ของ Scope 3 (Scope 3 Category Breakdown) สำหรับ Scope 3 ซึ่งมีความซับซ้อนสูง สามารถแจกแจงลงไปในแต่ละหมวดหมู่ย่อยได้ เช่น การเดินทางเพื่อธุรกิจ (Business Travel), ของเสียจากการดำเนินงาน (Waste Generated in Operations), สินค้าและบริการที่ซื้อ (Purchased Goods and Services) เป็นต้น

    ประโยชน์หลักของ Dashboard Breakdown
    - ระบุจุดปล่อยก๊าซฯ สูง (Hotspot Identification):ช่วยชี้เป้าได้อย่างแม่นยำว่ากิจกรรมใด แหล่งใด หรือหน่วยงานใดเป็นผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกหลัก

    - วางแผนมาตรการลดได้อย่างตรงจุด: เมื่อทราบแหล่งที่มาหลักแล้ว องค์กรสามารถกำหนดมาตรการลดก๊าซเรือนกระจกที่เฉพาะเจาะจงและมีประสิทธิภาพได้ดียิ่งขึ้น 
    - จัดสรรทรัพยากรอย่างเหมาะสม: ช่วยในการตัดสินใจจัดสรรงบประมาณและทรัพยากรไปยังส่วนที่สามารถสร้างผลกระทบในการลดก๊าซฯ ได้มากที่สุด 

    - เพิ่มความโปร่งใสและความรับผิดชอบ: ช่วย
    ให้แต่ละหน่วยงานเห็นผลกระทบของตนเองและสามารถมีส่วนร่วมในการลดการปล่อยก๊าซฯ ขององค์กรได้ 

    Screenshot 2568-06-27 at 10.59.57-1

  • รายงานภาพรวม (Report overview)
    มีฟังก์ชัน Report Overview ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นเครื่องมือสำหรับสร้างเอกสารรายงานที่สรุปผลการดำเนินงานด้านการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ขององค์กรอย่างเป็น ทางการและครบวงจร รายงานนี้เหมาะสำหรับการนำเสนอต่อผู้บริหารระดับสูง, การยื่นรายงานตามข้อกำหนดของหน่วยงานกำกับดูแล, หรือเพื่อการสื่อสารผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนไปยังผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งภายในและภายนอกองค์กร แตกต่างจาก "Dashboard Overview" ที่เน้นการแสดงผลข้อมูลแบบไดนามิกและเรียลไทม์, "Report Overview" จะเป็นการสรุปผล ณ ช่วงเวลาที่กำหนด (เช่น รายเดือน, รายไตรมาส, หรือรายปี) หรือตามความต้องการของผู้ใช้ โดยสามารถปรับแต่งองค์ประกอบและขอบเขตของข้อมูลได้ตามความจำเป็น   

    Screenshot 2568-06-27 at 12.40.55

    องค์ประกอบหลักใน Report Overview
    - สรุปปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด (Total GHG Emissions): แสดงภาพรวมการปล่อยก๊าซฯ สุทธิขององค์กรในช่วงเวลาที่เลือก 
    - จำแนกการปล่อยตามขอบเขต (Emissions by Scope): แสดงสัดส่วนและปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตาม Scope 1, Scope 2 และ Scope 3

    - การเปรียบเทียบผลการดำเนินงาน (Performance Comparison): เทียบกับช่วงเวลาก่อนหน้า และเทียบกับเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกที่องค์กรตั้งไว้ (Target Comparison) 
    - ตัวชี้วัดประสิทธิภาพหลัก (Key Performance Indicators - KPIs): เช่น ความเข้มข้นของการปล่อยก๊าซ (Emission Intensity) เทียบกับหน่วยผลผลิต, รายได้, หรือจำนวนพนักงาน 
    - การวิเคราะห์แนวโน้มและข้อสรุปสำคัญ (Trend Analysis and Key Findings): สรุปการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ,ปัจจัยที่มีผลกระทบ, และข้อสังเกตที่ควรให้ความสนใจ 
    - ข้อมูลอ้างอิง (Methodology & Data Sources Used): ระบุวิธีการคำนวณและแหล่งข้อมูลที่ใช้เพื่อความโปร่งใสและน่าเชื่อถือ (ถ้าจำเป็น)

    ประโยชน์หลักของ Report Overview
    - ช่วยให้การจัดทำรายงานประจำปี, รายงานความยั่งยืน, หรือการรายงานต่อหน่วยงานภายนอกเป็นไปอย่างถูกต้องและมีมาตรฐาน 
    -  เป็นเครื่องมือสำคัญในการติดตามผลการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์การลดก๊าซเรือนกระจกขององค์กร 

    - ให้ข้อมูลสรุปที่สำคัญแก่ผู้บริหารเพื่อประกอบการตัดสินใจในการปรับปรุงนโยบายและกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน 
    - สื่อสารผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมขององค์กรไปยังผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างชัดเจน

เริ่มต้นเส้นทางสู่การคำนวณ GHG อัตโนมัติ 

การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบอัตโนมัติอาจต้องมีการลงทุนและการวางแผนที่ดี องค์กรควรเริ่มต้นด้วยการประเมินความพร้อมของข้อมูล (Data Readiness) กำหนดขอบเขตการคำนวณที่ชัดเจน และเลือกใช้ซอฟต์แวร์หรือแพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับขนาดและความต้องการขององค์กร การมีทีมงานที่เข้าใจทั้งเรื่องความยั่งยืนและเทคโนโลยีจะช่วยให้การนำระบบมาใช้งานเป็นไปอย่างราบรื่น 


บทสรุป

ในโลกที่การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งจำเป็น การคำนวณและบริหารจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสำหรับ Scope 1, 2 และ 3 อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ ถือเป็นรากฐานสำคัญ ระบบอัตโนมัติไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยลดภาระงาน แต่เป็นโซลูชันเชิงกลยุทธ์ที่ช่วยให้องค์กรสร้างความน่าเชื่อถือ บริหารจัดการความเสี่ยง ค้นพบโอกาสใหม่ๆ และขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสู่อนาคตคาร์บอนต่ำได้อย่างแท้จริง ถึงเวลาแล้วที่องค์กรของคุณจะปฏิวัติการคำนวณ GHG ด้วยเทคโนโลยีอัตโนมัติ เพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน 

หากองค์กรของคุณกำลังมองหาเครื่องมือช่วยจัดการและรายงานข้อมูล ESG อย่างเป็นระบบ เพื่อให้การรายงานสอดคล้องกับมาตรฐานระดับสากล PALO IT สามารถช่วยคุณได้! ทั้งการออกแบบ พัฒนา และให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการด้าน ESG data management platform ของเรา หรือสามารถคลิกกรอกแบบฟอร์มเพื่อติดต่อเราได้ที่นี่เลย
👉🏻  PALO IT Thailand

เริ่มติดตามผลกระทบด้านความยั่งยืนขององค์กรคุณได้แล้ววันนี้ พร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญที่คอยให้คำแนะนำฟรี