เคยสงสัยไหมว่าถุงพลาสติกที่เราใช้ แก้วกาแฟที่เราดื่ม หรือแม้แต่บริษัทที่เราซื้อหุ้น มีอะไรเกี่ยวข้องกับคำว่า ESG ?
ESG ย่อมาจาก Environment (สิ่งแวดล้อม) Social (สังคม) Governance (ธรรมาภิบาล) ซึ่งเป็นหลักของแนวทางการทำธุรกิจที่ไม่ได้มองแค่ ‘กำไร’ แต่ก็ยังใส่ใจ ‘โลก’ และ ‘ผู้คน’ อีกด้วยค่ะ
🌳 E - Environment: คือการดูแลโลกใบนี้ เช่น ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จัดการขยะอย่างถูกวิธี ใช้พลังงานสะอาด ไม่ทำลายความหลากหลายทางชีวภาพ
🤝 S - Social: คือการใส่ใจผู้คนรอบข้าง ตั้งแต่พนักงานในองค์กร ลูกค้า ชุมชน ไปจนถึงสังคมโดยรวม เช่น การดูแลสวัสดิการพนักงาน การเคารพสิทธิมนุษยชน การสนับสนุนความเท่าเทียม
📜 G - Governance: คือการบริหารจัดการองค์กรอย่างโปร่งใส มีคุณธรรม ตรวจสอบได้ ต่อต้านการทุจริต และคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรากันนะ?
- ในฐานะผู้บริโภค: เราเลือกสนับสนุนสินค้าและบริการจากบริษัทที่ใส่ใจ ESG ได้
- ในฐานะนักลงทุน: เราเลือกลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน สร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
- ในฐานะพนักงาน: เราเลือกทำงานในองค์กรที่ให้ความสำคัญกับพนักงานและสังคม
- ในฐานะพลเมืองโลก: การตระหนักรู้และสนับสนุน ESG คือส่วนหนึ่งของการสร้างอนาคตที่ดีกว่าสำหรับคนรุ่นต่อไป
การทำความเข้าใจ ESG อย่างลึกซึ้งไม่ใช่แค่เพื่อการรายงานผล แต่เป็นหัวใจของการบริหารความเสี่ยง เพื่อให้ธุรกิจไม่สะดุดกับกฎเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อมใหม่ๆหรือความคาดหวังของนักลงทุนที่เปลี่ยนไป อย่างไรก็ตาม ESG ไม่ได้เป็นเรื่องขององค์กรใหญ่ๆอย่างเดียวเท่านั้นแต่เป็นเรื่องที่เราทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ เริ่มจากการทำความเข้าใจและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันของเราเองค่ะ
ทำความรู้จักกับ ESG ในบริบทขององค์กร
ในยุคที่ความยั่งยืนไม่ใช่แค่ "ทางเลือก" แต่เป็น "ทางรอด" และ "โอกาส" การรายงานข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล หรือ ESG Reporting ได้กลายเป็นสิ่งที่องค์กรทั่วโลกให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ไม่ใช่เพียงเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดี แต่เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ตอบสนองความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
ในประเทศไทย หน่วยงานที่มีบทบาทในการกำหนดและส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียนจัดทำรายงาน ESG หรือบางคนอาจจะคุ้นเคยกับคำว่ารายงานความยั่งยืน คือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
- ก.ล.ต. เป็นหน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุนโดยตรง มีอำนาจในการออกหลักเกณฑ์และข้อบังคับต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทจดทะเบียน
- ก.ล.ต. ได้มีการปรับปรุงแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี (แบบ 56-1) และรายงานประจำปี (แบบ 56-2) ให้รวมเป็น "แบบ 56-1 One Report" ซึ่งกำหนดให้บริษัทจดทะเบียนต้องเปิดเผยข้อมูลด้าน ESG หรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อความยั่งยืน โดยครอบคลุมทั้งมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี
- การกำหนดนี้มีผลบังคับใช้กับบริษัทจดทะเบียน เพื่อให้นักลงทุนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนและใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุนหรือประเมินผลการดำเนินงานของบริษัทในระยะยาว
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)
- ตลท. มีบทบาทในการส่งเสริมและสนับสนุนให้บริษัทจดทะเบียนดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึง ESG และมีการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส
- ตลท. ได้ออก "แนวทางการรายงานความยั่งยืน" (Sustainability Reporting Guidelines) เพื่อเป็นคู่มือและแนวทางปฏิบัติสำหรับบริษัทจดทะเบียนในการจัดทำรายงาน ESG ให้มีคุณภาพและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล
- นอกจากนี้ ตลท. ยังมีการจัดทำรายชื่อ 'หุ้นยั่งยืน (Thailand Sustainability Investment - THSI)' เพื่อยกย่องและส่งเสริมบริษัทจดทะเบียนที่มีการดำเนินงานด้าน ESG ที่โดดเด่น ซึ่งเป็นอีกแรงจูงใจให้บริษัทต่างๆ ให้ความสำคัญกับการรายงาน ESG
แล้วองค์กรในประเทศไทย จะอ้างอิงจากมาตรฐานอะไรในการนำมาเขียนในรายงาน แบบ 56-1 One Report ?
เพื่อให้การรายงาน ESG มีความเป็นระบบน่าเชื่อถือ และเปรียบเทียบกันได้ จึงมีการพัฒนามาตรฐาน (Standards) และกรอบการรายงาน (Frameworks) โดยการทำความเข้าใจว่า Frameworks และ Standards ต่างๆ เกี่ยวข้องกันอย่างไรเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้เห็นภาพรวมและเลือกใช้ได้เหมาะสม ดังนั้นเรามาลองดูการเรียงลำดับและอธิบายความสัมพันธ์ตามกลุ่มวัตถุประสงค์และอิทธิพลกัน เปรียบเทียบง่ายๆ เหมือนเรากำลัง "สร้างบ้านแห่งความยั่งยืน" Frameworks และ Standards ต่างๆ ก็เป็นเหมือนพิมพ์เขียว วัสดุ และเครื่องมือที่ใช้ในส่วนต่างๆ ของบ้านหลังนี้:
กรอบเป้าหมายระดับโลก
UN Sustainable Development Goal (SDGs) หรือเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ 17 ข้อ ที่ประชาคมโลกตกลงร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาระดับโลก ภายในปี 2030 
กรอบการรายงานที่ครอบคลุมสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่หลากหลาย (Comprehensive Reporting Frameworks for Broad Stakeholders)
GRI Standards (Global Reporting Initiative)- บทบาท : เป็นมาตรฐานที่ได้รับความนิยมทั่วโลกและครอบคลุมประเด็น ESG อย่างกว้างขวาง เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการรายงานผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม
- ความเกี่ยวข้อง : GRI ครอบคลุมประเด็น ESG อย่างกว้างขวาง และสามารถใช้ร่วมกับ Framework อื่นๆ ได้ องค์กรจำนวนมากทั่วโลกเริ่มต้นการรายงาน ESG ด้วย GRI
กรอบการรายงานที่เน้นนักลงทุนและข้อมูลที่มีนัยสำคัญทางการเงิน (Investor-focused Frameworks & Financial Materiality)
กลุ่มนี้จะมุ่งเน้นข้อมูลที่นักลงทุนใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน โดยพิจารณาว่าประเด็น ESG ใดบ้างที่ส่งผลกระทบต่อมูลค่าทางการเงินขององค์กร (Financial Materiality หรือ Outside-in)
1. ISSB Standards (International Sustainability Standards Board) ตั้งโดย IFRS Foundation (International Financial Reporting Standards Foundation)
บทบาท: มาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืนที่เป็นสากล ที่เชื่อมโยงกับข้อมูลทางการเงิน เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดทุนและนักลงทุนเป็นหลัก ประกอบด้วย:
ประกอบด้วย:
-
-
IFRS S1 General Requirements for Disclosure of Sustainability-related Financial Information: ข้อกำหนดทั่วไปสำหรับการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน
-
IFRS S2 Climate-related Disclosures: การเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ
-
ความเกี่ยวข้อง : ISSB ตั้งเป้าสร้างความสอดคล้องและลดความซับซ้อนในการรายงานสำหรับนักลงทุน โดยได้รวมเอาองค์กรสำคัญๆ อย่าง SASB (Sustainability Accounting Standard Board) และ CDSB (Climate Disclosure Standards Board) เข้ามาอยู่ภายใต้ IFRS Foundation
2. SASB Standards (Sustainability Accounting Standards Board) ปัจจุบันอยู่ภายใต้ ISSB/IFRS Foundation
บทบาท : พัฒนามาตรฐานการรายงานเฉพาะสำหรับแต่ละอุตสาหกรรม (Industry-specific) โดยระบุประเด็น ESG ที่มีแนวโน้มจะส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานทางการเงินของบริษัทในอุตสาหกรรมนั้นๆ มากที่สุด
ความเกี่ยวข้อง : ถึงแม้จะรวมเข้ากับ ISSB แล้ว แต่มาตรฐาน SASB ยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้ในการให้แนวทางเฉพาะอุตสาหกรรมภายใต้ IFRS S1
3. TCFD (Task Force on Climate-related Financial Disclosures)
บทบาท : เป็นกรอบการทำงานที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและโอกาสจากสภาพภูมิอากาศ เน้น 4 ด้านหลัก: ธรรมาภิบาล (Governance), กลยุทธ์ (Strategy), การบริหารความเสี่ยง (Risk Management), และตัวชี้วัดและเป้าหมาย (Metrics and Targets)
ความเกี่ยวข้อง : หลักการของ TCFD ได้ถูกผนวกรวมเข้าเป็นส่วนสำคัญของ IFRS S2 (Climate-related Disclosures) ของ ISSB
กรอบการรายงานและข้อบังคับระดับภูมิภาค/ประเทศ (Regional/National Regulatory Frameworks & Mandates)
1. EU Corporate Sustainability Reporting Directive (CSRD) และ European Sustainability Reporting Standards)
บทบาท : CSRD เป็นข้อบังคับของสหภาพยุโรปที่กำหนดให้บริษัทขนาดใหญ่และบริษัทจดทะเบียนจำนวนมากต้องรายงานข้อมูลความยั่งยืนตามมาตรฐาน ESRS ซึ่งพัฒนาโดย EFRAG (European Financial Reporting Advisory Group)
ความเกี่ยวข้อง : ESRS มีความละเอียดและครอบคลุมสูง เน้นหลัก "Double Materiality" (ทั้งผลกระทบของ ESG ต่อองค์กร และผลกระทบขององค์กรต่อ ESG) และมีความพยายามในการสร้างความสอดคล้อง (Interoperability) กับมาตรฐานสากลอย่าง ISSB เพื่อลดภาระการรายงานของบริษัทที่ดำเนินงานในหลายภูมิภาค แต่ก็ยังคงมีจุดที่แตกต่างกันอยู่บ้าง
2. ข้อกำหนดของ ก.ล.ต. และ ต.ล.ท ในประเทศไทย
บทบาท : กำหนดให้บริษัทจดทะเบียนต้องเปิดเผยข้อมูล ESG ในแบบ 56-1 One Report
ความเกี่ยวข้อง : แนวทางของไทยมักจะอ้างอิงหรือได้รับอิทธิพลจากมาตรฐานสากล เช่น GRI, SASB, TCFD เพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติที่ดีในระดับสากล
มาตรฐานระบบการจัดการที่เกี่ยวข้อง (Related Management System Standards)
1. ISO Standards เช่น ISO 14001 – การจัดการสิ่งแวดล้อม, ISO 45001 – การจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย, ISO 26000 - แนวทางความรับผิดชอบต่อสังคม
บทบาท : เป็นมาตรฐานสากลที่ให้แนวทางในการจัดตั้งและปรับปรุงระบบการจัดการภายในองค์กรสำหรับประเด็นเฉพาะด้าน
ความเกี่ยวข้อง : แม้จะไม่ใช่ Framework การรายงาน ESG โดยตรง แต่การนำมาตรฐาน ISO เหล่านี้มาปรับใช้ จะช่วยให้องค์กรมีกระบวนการจัดการประเด็น ESG ที่เป็นระบบ และข้อมูลที่ได้จากระบบเหล่านี้ก็สามารถนำมาใช้ประกอบการรายงาน ESG ตาม Frameworks อื่นๆ ได้

การเลือกใช้มาตรฐานหรือกรอบการรายงานใด ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ลักษณะธุรกิจ อุตสาหกรรม กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลัก ข้อกำหนดทางกฎหมายในแต่ละประเทศ และเป้าหมายขององค์กรในการรายงาน หลายองค์กรอาจเลือกใช้หลายมาตรฐานผสมผสานกันเพื่อให้ครอบคลุมความต้องการของทุกฝ่าย
สรุปง่ายๆ ว่าเกี่ยวข้องกันยังไง:
- SDGs เป็นเป้าหมายใหญ่ เป็นเป้าหมายใหญ่ สำหรับรัฐบาล และองค์กรของแต่ละประเทศ
- GRI ช่วยให้บริษัทรายงาน "ผลกระทบ" ของตัวเองต่อโลกและสังคมอย่างครอบคลุมให้ "ทุกคน" ฟัง
- TCFD เจาะลึกเรื่อง "สภาพภูมิอากาศ" และผลกระทบทางการเงิน
- SASB (ตอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของ ISSB) บอกว่าแต่ละ "อุตสาหกรรม" ควรเน้นรายงาน ESG เรื่องไหนที่กระทบ "เงิน"
- ISSB กำลังพยายามสร้าง "มาตรฐานกลาง" ให้บริษัททั่วโลกรายงานข้อมูลความยั่งยืนที่สำคัญต่อ "นักลงทุน" ได้เหมือนๆ กัน โดยเอาส่วนของ TCFD และ SASB มารวมไว้ด้วยกัน
- CSRD/ESRS (ของยุโรป) หรือ ข้อกำหนดของ ก.ล.ต. (ของไทย) เป็น "กฎหมาย/ข้อบังคับ" ที่อาจจะอิงหลักการจาก Frameworks ข้างต้น เพื่อให้บริษัทในพื้นที่นั้นๆ ต้องทำตาม
การทำความเข้าใจภาพรวมนี้จะช่วยให้องค์กรเลือก Framework ที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และข้อกำหนดในแต่ละพื้นที่ได้ดียิ่งขึ้นค่ะ
หากองค์กรของคุณกำลังมองหาเครื่องมือช่วยจัดการและรายงานข้อมูล ESG อย่างเป็นระบบ เพื่อให้การรายงานสอดคล้องกับมาตรฐานระดับสากล PALO IT สามารถช่วยคุณได้! ทั้งการออกแบบ พัฒนา และให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการด้าน ESG data management platform ของเรา หรือสามารถคลิกกรอกแบบฟอร์มเพื่อติดต่อเราได้ที่นี่เลย 👉🏻 PALO IT Thailand