PALO IT Blog

เจาะลึก ESG: แนวคิด มาตรฐาน กฎหมาย และโอกาสทางธุรกิจที่คุณไม่ควรมองข้าม

เขียนโดย Kanyapak Kakkanantadilok - 10/06/25

เคยสงสัยไหมว่าถุงพลาสติกที่เราใช้ แก้วกาแฟที่เราดื่ม หรือแม้แต่บริษัทที่เราซื้อหุ้น มีอะไรเกี่ยวข้องกับคำว่า ESG ? 

ESG ย่อมาจาก Environment (สิ่งแวดล้อม) Social (สังคม) Governance (ธรรมาภิบาล) ซึ่งเป็นหลักของแนวทางการทำธุรกิจที่ไม่ได้มองแค่ ‘กำไร’ แต่ก็ยังใส่ใจ ‘โลก’ และ ‘ผู้คน’ อีกด้วยค่ะ 

🌳E - Environment:คือการดูแลโลกใบนี้ เช่น ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จัดการขยะอย่างถูกวิธี ใช้พลังงานสะอาด ไม่ทำลายความหลากหลายทางชีวภาพ 

🤝S - Social:คือการใส่ใจผู้คนรอบข้าง ตั้งแต่พนักงานในองค์กร ลูกค้า ชุมชน ไปจนถึงสังคมโดยรวม เช่น การดูแลสวัสดิการพนักงาน การเคารพสิทธิมนุษยชน การสนับสนุนความเท่าเทียม 

📜G - Governance:คือการบริหารจัดการองค์กรอย่างโปร่งใส มีคุณธรรม ตรวจสอบได้ ต่อต้านการทุจริต และคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย 

แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรากันนะ? 

  • ในฐานะผู้บริโภค:เราเลือกสนับสนุนสินค้าและบริการจากบริษัทที่ใส่ใจ ESG ได้ 
  • ในฐานะนักลงทุน:เราเลือกลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน สร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว 
  • ในฐานะพนักงาน:เราเลือกทำงานในองค์กรที่ให้ความสำคัญกับพนักงานและสังคม 
  • ในฐานะพลเมืองโลก:การตระหนักรู้และสนับสนุน ESG คือส่วนหนึ่งของการสร้างอนาคตที่ดีกว่าสำหรับคนรุ่นต่อไป 

การทำความเข้าใจ ESG อย่างลึกซึ้งไม่ใช่แค่เพื่อการรายงานผล แต่เป็นหัวใจของการบริหารความเสี่ยง เพื่อให้ธุรกิจไม่สะดุดกับกฎเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อมใหม่ๆหรือความคาดหวังของนักลงทุนที่เปลี่ยนไป อย่างไรก็ตาม ESG ไม่ได้เป็นเรื่องขององค์กรใหญ่ๆอย่างเดียวเท่านั้นแต่เป็นเรื่องที่เราทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ เริ่มจากการทำความเข้าใจและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันของเราเองค่ะ

ทำความรู้จักกับ ESG ในบริบทขององค์กร 

ในยุคที่ความยั่งยืนไม่ใช่แค่ "ทางเลือก" แต่เป็น "ทางรอด" และ "โอกาส" การรายงานข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล หรือESG Reporting ได้กลายเป็นสิ่งที่องค์กรทั่วโลกให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ไม่ใช่เพียงเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดี แต่เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ตอบสนองความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

ในประเทศไทย หน่วยงานที่มีบทบาทในการกำหนดและส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียนจัดทำรายงาน ESG หรือบางคนอาจจะคุ้นเคยกับคำว่ารายงานความยั่งยืน คือสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) 

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) 

  • ก.ล.ต. เป็นหน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุนโดยตรง มีอำนาจในการออกหลักเกณฑ์และข้อบังคับต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทจดทะเบียน 
  • ก.ล.ต. ได้มีการปรับปรุงแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี (แบบ 56-1) และรายงานประจำปี (แบบ 56-2) ให้รวมเป็น"แบบ 56-1 One Report"ซึ่งกำหนดให้บริษัทจดทะเบียนต้องเปิดเผยข้อมูลด้าน ESG หรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อความยั่งยืน โดยครอบคลุมทั้งมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี 
  • การกำหนดนี้มีผลบังคับใช้กับบริษัทจดทะเบียน เพื่อให้นักลงทุนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนและใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุนหรือประเมินผลการดำเนินงานของบริษัทในระยะยาว 

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) 

  • ตลท. มีบทบาทในการส่งเสริมและสนับสนุนให้บริษัทจดทะเบียนดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึง ESG และมีการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส
  • ตลท. ได้ออก "แนวทางการรายงานความยั่งยืน" (Sustainability Reporting Guidelines) เพื่อเป็นคู่มือและแนวทางปฏิบัติสำหรับบริษัทจดทะเบียนในการจัดทำรายงาน ESG ให้มีคุณภาพและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล 
  • นอกจากนี้ ตลท. ยังมีการจัดทำรายชื่อ 'หุ้นยั่งยืน (Thailand Sustainability Investment - THSI)' เพื่อยกย่องและส่งเสริมบริษัทจดทะเบียนที่มีการดำเนินงานด้าน ESG ที่โดดเด่น ซึ่งเป็นอีกแรงจูงใจให้บริษัทต่างๆ ให้ความสำคัญกับการรายงาน ESG

แล้วองค์กรในประเทศไทย จะอ้างอิงจากมาตรฐานอะไรในการนำมาเขียนในรายงาน แบบ 56-1 One Report ? 

เพื่อให้การรายงาน ESG มีความเป็นระบบน่าเชื่อถือ และเปรียบเทียบกันได้ จึงมีการพัฒนามาตรฐาน (Standards) และกรอบการรายงาน (Frameworks) โดยการทำความเข้าใจว่า Frameworks และ Standards ต่างๆ เกี่ยวข้องกันอย่างไรเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้เห็นภาพรวมและเลือกใช้ได้เหมาะสม ดังนั้นเรามาลองดูการเรียงลำดับและอธิบายความสัมพันธ์ตามกลุ่มวัตถุประสงค์และอิทธิพลกัน เปรียบเทียบง่ายๆ เหมือนเรากำลัง "สร้างบ้านแห่งความยั่งยืน" Frameworks และ Standards ต่างๆ ก็เป็นเหมือนพิมพ์เขียว วัสดุ และเครื่องมือที่ใช้ในส่วนต่างๆ ของบ้านหลังนี้: 

กรอบเป้าหมายระดับโลก

UN Sustainable Development Goal (SDGs) หรือเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ 17 ข้อ ที่ประชาคมโลกตกลงร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาระดับโลก ภายในปี 2030 

กรอบการรายงานที่ครอบคลุมสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่หลากหลาย (Comprehensive Reporting Frameworks for Broad Stakeholders) 

GRI Standards (Global Reporting Initiative)  
  • บทบาท : เป็นมาตรฐานที่ได้รับความนิยมทั่วโลกและครอบคลุมประเด็น ESG อย่างกว้างขวาง เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการรายงานผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม  
  • ความเกี่ยวข้อง : GRI ครอบคลุมประเด็น ESG อย่างกว้างขวาง และสามารถใช้ร่วมกับ Framework อื่นๆ ได้ องค์กรจำนวนมากทั่วโลกเริ่มต้นการรายงาน ESG ด้วย GRI 

กรอบการรายงานที่เน้นนักลงทุนและข้อมูลที่มีนัยสำคัญทางการเงิน (Investor-focused Frameworks & Financial Materiality)

กลุ่มนี้จะมุ่งเน้นข้อมูลที่นักลงทุนใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน โดยพิจารณาว่าประเด็น ESG ใดบ้างที่ส่งผลกระทบต่อมูลค่าทางการเงินขององค์กร (Financial Materiality หรือ Outside-in)

1. ISSB Standards (International Sustainability Standards Board) ตั้งโดย IFRS Foundation (International Financial Reporting Standards Foundation)

บทบาท: มาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืนที่เป็นสากล ที่เชื่อมโยงกับข้อมูลทางการเงิน เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดทุนและนักลงทุนเป็นหลัก ประกอบด้วย:

ประกอบด้วย: 

    • IFRS S1 General Requirements for Disclosure of Sustainability-related Financial Information:ข้อกำหนดทั่วไปสำหรับการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน 

    • IFRS S2 Climate-related Disclosures:การเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ 

ความเกี่ยวข้อง : ISSB ตั้งเป้าสร้างความสอดคล้องและลดความซับซ้อนในการรายงานสำหรับนักลงทุน โดยได้รวมเอาองค์กรสำคัญๆ อย่าง SASB (Sustainability Accounting Standard Board) และ CDSB (Climate Disclosure Standards Board) เข้ามาอยู่ภายใต้ IFRS Foundation 

2. SASB Standards (Sustainability Accounting Standards Board) ปัจจุบันอยู่ภายใต้ ISSB/IFRS Foundation

บทบาท พัฒนามาตรฐานการรายงานเฉพาะสำหรับแต่ละอุตสาหกรรม (Industry-specific) โดยระบุประเด็น ESG ที่มีแนวโน้มจะส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานทางการเงินของบริษัทในอุตสาหกรรมนั้นๆ มากที่สุด  

ความเกี่ยวข้อง : ถึงแม้จะรวมเข้ากับ ISSB แล้ว แต่มาตรฐาน SASB ยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้ในการให้แนวทางเฉพาะอุตสาหกรรมภายใต้ IFRS S1

3. TCFD (Task Force on Climate-related Financial Disclosures)

บทบาท เป็นกรอบการทำงานที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและโอกาสจากสภาพภูมิอากาศ เน้น 4 ด้านหลัก: ธรรมาภิบาล (Governance), กลยุทธ์ (Strategy), การบริหารความเสี่ยง (Risk Management), และตัวชี้วัดและเป้าหมาย (Metrics and Targets) 

ความเกี่ยวข้อง : หลักการของ TCFD ได้ถูกผนวกรวมเข้าเป็นส่วนสำคัญของ IFRS S2 (Climate-related Disclosures) ของ ISSB  

กรอบการรายงานและข้อบังคับระดับภูมิภาค/ประเทศ (Regional/National Regulatory Frameworks & Mandates)

1. EU Corporate Sustainability Reporting Directive (CSRD) และ European Sustainability Reporting Standards)

บทบาท CSRD เป็นข้อบังคับของสหภาพยุโรปที่กำหนดให้บริษัทขนาดใหญ่และบริษัทจดทะเบียนจำนวนมากต้องรายงานข้อมูลความยั่งยืนตามมาตรฐาน ESRS ซึ่งพัฒนาโดย EFRAG (European Financial Reporting Advisory Group) 

ความเกี่ยวข้อง : ESRS มีความละเอียดและครอบคลุมสูง เน้นหลัก "Double Materiality" (ทั้งผลกระทบของ ESG ต่อองค์กร และผลกระทบขององค์กรต่อ ESG) และมีความพยายามในการสร้างความสอดคล้อง (Interoperability) กับมาตรฐานสากลอย่าง ISSB เพื่อลดภาระการรายงานของบริษัทที่ดำเนินงานในหลายภูมิภาค แต่ก็ยังคงมีจุดที่แตกต่างกันอยู่บ้าง

2. ข้อกำหนดของ ก.ล.ต. และ ต.ล.ท ในประเทศไทย

บทบาท กำหนดให้บริษัทจดทะเบียนต้องเปิดเผยข้อมูล ESG ในแบบ 56-1 One Report  

ความเกี่ยวข้อง : แนวทางของไทยมักจะอ้างอิงหรือได้รับอิทธิพลจากมาตรฐานสากล เช่น GRI, SASB, TCFD เพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติที่ดีในระดับสากล

มาตรฐานระบบการจัดการที่เกี่ยวข้อง (Related Management System Standards)

1. ISO Standards เช่น ISO 14001 – การจัดการสิ่งแวดล้อม, ISO 45001 – การจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย, ISO 26000 - แนวทางความรับผิดชอบต่อสังคม

บทบาท เป็นมาตรฐานสากลที่ให้แนวทางในการจัดตั้งและปรับปรุงระบบการจัดการภายในองค์กรสำหรับประเด็นเฉพาะด้าน 

ความเกี่ยวข้อง : แม้จะไม่ใช่ Framework การรายงาน ESG โดยตรง แต่การนำมาตรฐาน ISO เหล่านี้มาปรับใช้ จะช่วยให้องค์กรมีกระบวนการจัดการประเด็น ESG ที่เป็นระบบ และข้อมูลที่ได้จากระบบเหล่านีก็สามารถนำมาใช้ประกอบการรายงาน ESG ตาม Frameworks อื่นๆ ได้

https://www.linkedin.com/posts/amirafouad1_sustainability-reporting-isnt-a-maze-anymore-activity-7330431578172559360-SwHH?utm_source=share&utm_medium=member_desktop&rcm=ACoAADmlRiQBex5hBlyIuLHamC5Ucibe5lGZ8i4

การเลือกใช้มาตรฐานหรือกรอบการรายงานใดขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ลักษณะธุรกิจ อุตสาหกรรม กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลัก ข้อกำหนดทางกฎหมายในแต่ละประเทศ และเป้าหมายขององค์กรในการรายงาน หลายองค์กรอาจเลือกใช้หลายมาตรฐานผสมผสานกันเพื่อให้ครอบคลุมความต้องการของทุกฝ่าย 

สรุปง่ายๆ ว่าเกี่ยวข้องกันยังไง: 

  1. SDGsเป็นเป้าหมายใหญ่ เป็นเป้าหมายใหญ่ สำหรับรัฐบาล และองค์กรของแต่ละประเทศ
  2. GRIช่วยให้บริษัทรายงาน "ผลกระทบ" ของตัวเองต่อโลกและสังคมอย่างครอบคลุมให้ "ทุกคน" ฟัง 
  3. TCFDเจาะลึกเรื่อง "สภาพภูมิอากาศ" และผลกระทบทางการเงิน 
  4. SASB(ตอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของ ISSB) บอกว่าแต่ละ "อุตสาหกรรม" ควรเน้นรายงาน ESG เรื่องไหนที่กระทบ "เงิน" 
  5. ISSBกำลังพยายามสร้าง "มาตรฐานกลาง" ให้บริษัททั่วโลกรายงานข้อมูลความยั่งยืนที่สำคัญต่อ "นักลงทุน" ได้เหมือนๆ กัน โดยเอาส่วนของ TCFD และ SASB มารวมไว้ด้วยกัน
  6. CSRD/ESRS(ของยุโรป) หรือข้อกำหนดของ ก.ล.ต.(ของไทย) เป็น "กฎหมาย/ข้อบังคับ" ที่อาจจะอิงหลักการจาก Frameworks ข้างต้น เพื่อให้บริษัทในพื้นที่นั้นๆ ต้องทำตาม 

การทำความเข้าใจภาพรวมนี้จะช่วยให้องค์กรเลือก Framework ที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และข้อกำหนดในแต่ละพื้นที่ได้ดียิ่งขึ้นค่ะ 

หากองค์กรของคุณกำลังมองหาเครื่องมือช่วยจัดการและรายงานข้อมูล ESG อย่างเป็นระบบ เพื่อให้การรายงานสอดคล้องกับมาตรฐานระดับสากล PALO IT สามารถช่วยคุณได้! ทั้งการออกแบบ พัฒนา และให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการด้าน ESG data management platform ของเรา หรือสามารถคลิกกรอกแบบฟอร์มเพื่อติดต่อเราได้ที่นี่เลย 👉🏻  
PALO IT Thailand