PALO IT Blog

เมื่อ VS Code user ได้มาลองใช้ JetBrains

เขียนโดย Nattapat Tamtrakool - 08/07/25

ผมได้เริ่มใช้ Visual Studio Code มาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย และช่วงนั้นก็ได้ JetBrains license ผ่านโปรแกรมนักศึกษามา แต่ตอนนั้นยังไม่เข้าใจความแตกต่างระหว่างสอง tools นี้เท่าที่ควร ผมเลยใช้ IntelliJ เฉพาะตอนเรียน Java เท่านั้น และใช้ Visual Studio Code เป็นหลักสำหรับงานอื่น ๆ

แต่หลังจากที่ได้เข้าทำงานใน PALO IT ได้มีโอกาสทำโปรเจกต์ที่ต้องเขียนหลายภาษา เช่น TypeScript, Python และ Go บริษัทก็ได้ให้ JetBrains license มา คราวนี้ก็เลยเปิดใจใช้ JetBrains อีกครั้ง

และหลังจากที่ได้ลองใช้งานทั้ง Visual Studio Code และ JetBrains ก็เลยอยากจะมาแชร์ประสบการณ์และเปรียบเทียบระว่างสองเครื่องมือนี้ครับ

Language Support

🔧 Visual Studio Code

Visual Studio Code เป็น code editor ที่ใช้งานง่าย เน้นติดตั้งส่วนเสริม (extension) ผ่าน Marketplace ทำให้รองรับหลายภาษาได้ เช่น JavaScript, TypeScript สำหรับงานฝั่ง frontend หรือ Python และ Go สำหรับ backend แค่ติดตั้ง extension ที่เกี่ยวข้องก็ใช้งานได้เลย

แต่ต้องเซ็ตอัพเองอยู่พอสมควร เช่นตอนเขียน Python ต้องทำสิ่งเหล่านี้ก่อน

  • ลง Python extension
  • สร้าง virtual environment
  • ลงแพ็กเกจต่าง ๆ ที่ต้องใช้
  • เลือก kernel เวลาใช้ไฟล์ .ipynb (Jupyter notebook)

🧠 JetBrains IDEs

แต่ถ้าใช้ PyCharm (JetBrains IDE ที่เน้น Python) ตัว IDE จะจัดการให้แทบทุกอย่างให้เอง เพราะ JetBrains แยกเครื่องมือให้เฉพาะกับแต่ละภาษา ทำให้แต่ละตัวมีฟีเจอร์เฉพาะทางแบบ built-in เช่น

  • หา environment ให้อัตโนมัติ
  • ตั้งค่าตัว interpreter ให้อัตโนมัติ
  • มี feature รองรับแบบตั้งแต่
  • Linter
  • Virtual environment
  • Test runner

🔍 รายชื่อ JetBrains IDE ต่างๆและภาษาที่รองรับ

📚 สรุปสั้น ๆ

  • VS Code สามารถปรับแต่งได้เยอะ แต่ต้องเซ็ตเองเกือบหมด
  • JetBrains IDEs เซ็ตให้ครบตั้งแต่เปิดโปรเจกต์ ใช้งานได้ทันทีตามภาษาที่เลือก
  • ข้อเสียคือถ้าเขียนหลายภาษา อาจต้องติดตั้งหลาย IDE ทำให้กินพื้นที่คอมเยอะกว่า

🏆ผู้ชนะ JetBrains

ผมให้ JetBrains ชนะในหมวดนี้ เพราะชอบที่มันตั้งค่าให้แทบทุกอย่าง และไม่ติดเรื่องพื้นที่เพราะตอนนี้โน้ตบุ๊คสมัยนี้มีความจุเพียงพออยู่แล้ว

🧠 ตารางเปรียบเทียบ

 

Plugin Ecosystem

🔧 Visual Studio Code

VS Code รองรับ plugin ได้หลากหลาย ทำให้เราปรับแต่งให้เข้ากับโปรเจกต์หรือสไตล์ของตัวเองได้ เช่น

  • เพิ่มการรองรับภาษา เช่น Python, Go, Rust
  • extension สำหรับการเทส เช่น Jest, Mocha, หรือ Pytest
  • Containerization tools
  • format code หรือ linter อย่าง Prettier และ ESLint
  • Utility extensions ต่าง ๆ (ตรวจคำผิด (Spell check), ปรับแต่งไอคอน, เปลี่ยนธีม)
Visual studio marketplace

และตอนนี้ AI มาเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนา VS Code ก็รองรับ GitHub Copilot extension ซึ่งมีฟีเจอร์อย่าง

  • Real-time code completions
  • Context-aware suggestions
  • AI chat assistance เพื่อช่วยดีบั๊ก/เขียนเทสได้

ทุกอย่างสามารถหาและติดตั้งได้จาก Visual Studio Code Marketplace

🧠 JetBrains IDEs

JetBrains ก็มีปลั๊กอินเหมือนกันผ่าน JetBrains Marketplace แต่จะค่อนข้างจะต่างจาก VS Code ตรงที่

  • Core features อย่าง language support, testing, version control, database access จะมาพร้อมกับตัว IDE เลย ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาหาปลั๊กอินมาลงเพิ่ม
  • การใช้งาน AI อย่าง GitHub Copilot ยังตามหลังอยู่บ้าง
  • Copilot Agent Mode ยังอยู่ในเวอร์ชัน beta สำหรับ JetBrains IDEs (ในขณะที่เขียนอยู่)
  • ส่วนฟีเจอร์ยังไม่เท่าเทียบกับ VS Code เพราะ Github Copilot ถูกพัฒนามาจาก Microsoft ทำให้ VS Code นำหน้าอยู่ชัดเจน

🧩 ตารางเปรียบเทียบ

📚 สรุปสั้น ๆ

VS Code มี extension ให้ใช้เยอะมาก developer สามารถเลือกใช้ปลั๊กอินได้ตามใจ ช่วยให้มี productivity ขึ้น ส่วน JetBrains มีข้อดีตรงที่มีฟีเจอร์ให้พร้อมอยู่แล้ว ไม่ต้องติดตั้งอะไรเพิ่มเท่าไหร่

🏆ผู้ชนะ: Visual Studio Code

เพราะชอบปรับแต่ง VS Code ให้เข้ากับวิธีทำงานของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นติดตั้ง plugin เพื่อเพิ่มฟีเจอร์ หรือเปลี่ยนธีมเปลี่ยนไอคอน

Version Control Integration

🔧 Visual Studio Code

Visual Studio Code มีระบบ Git ในตัวผ่าน Source Control Panel ที่ด้านซ้ายที่ช่วย

  • ดู File change ได้
  • commit และ sync code กับ remote repository
  • แก้ไข merge conflicts
  • และสามารถลง extension เช่น GitLens หรือ Git Graph เพื่อใช้ feature เพิ่มเติมได้
Visual Studio Code source control panel

🧠 JetBrains IDEs

JetBrains IDEs ก็มีระบบ Git ในตัวพร้อม Inerface รู้สึกใช้งานง่าย รองรับเกือบทุกคำสั่งของ Git ที่ต้องการ และยังมี

  1. Git log viewer และ branch management panel ที่ช่วยให้ดู log และจัดการ branch ได้ง่าย

2. Feature เพิ่มเติม เช่น

  • Multiple changelists: สามารถแบ่ง update change ในไฟล์เดียวกันออกเป็นหลาย changelists เหมาะสำหรับการเลือกเฉพาะบางส่วนที่ต้องการ commit
  • Shelve: feature คล้าย Git stash แต่สามารถเลือกเก็บเฉพาะกลุ่ม changelist ได้ ไม่ต้องเก็บทั้งหมด
JetBrains branch management panel

🧩 ตารางเปรียบเทียบ

📚 สรุปสั้นๆ

  • Visual Studio Code สามารถใช้คำสั่ง Git ผ่าน Source control panel และลง extension ที่เกี่ยวกับ Git เพิ่มเติมได้
  • ต่างกับ JetBrains IDEs ที่มี feature Git ที่ครอบคลุมโดยไม่ต้องลง extension เพิ่ม

ทั้งสองเครื่องมือรองรับการใช้งาน Git ได้ดี ขึ้นอยู่กับว่าชอบแบบไหน

🏆ผู้ชนะ: JetBrains IDEs

เพราะมี UI ที่ใช้งานง่าย และที่ชอบคือมีทุกคำสั่ง Git ทำให้แทบไม่ต้องใช้คำสั่ง Git ใน command line เลย

Collaboration Tooling

🔧 Visual Studio Code

Visual Studio Code มี Live Share extension เป็น plugin ที่เอาไว้ใช้ในการทำงานร่วมกันแบบ real time สามารถ

  • generate session URL เพื่อแชร์โปรเจกต์ให้เพื่อนร่วมทีม
  • เข้าร่วม session โดยยังใช้ editor setting ของตัวเองเหมือนเดิม
  • มี Shared debugging sessions, Shared terminal, Shared server
  • คนที่เข้า sesion ก็จะมี cursor ของตัวเอง ทำให้ตาม cursor ของคนอื่นได้หรือทำงานแยกกันได้
Visual Studio Code Live Share shared terminal

🧠 JetBrains IDEs

Code With Me ที่มาพร้อมใน JetBrains IDEs จะให้ประสบการณ์ collaboration ที่คล้ายๆกับ Live Share extension โดย

  1. รองรับ collaborative editing, shared terminal, debugging และมี voice chat

2. ยังใช้ setting ส่วนตัวของแต่ละคนเหมือนเดิมเวลาเข้า session เช่น keybindings

3. แยก changelist ให้แต่ละ user

  • ช่วยให้เห็นว่าโค้ดไหนเป็นของใคร
  • ลดความสับสนและความเสี่ยงในการไปแก้ไฟล์แล้วคนอื่นไม่รู้
Code With Me separate user change list

📚 สรุป

Visual Studio Code Live Share และ JetBrains Code With Me เป็นเครื่องมือ real-time collaboration ที่ดีมาก ทำให้สามารถ pair programming ได้โดยไม่ต้อง clone repository หรือ setup โปรเจกต์ที่เครื่องตัวเอง

แต่ Visual Studio Code ใช้ workspace ร่วมกันแบบไม่มีการแยก changelist อาจจะทำให้เกิดความสับสนหได้ถ้าแก้ไฟล์เดียวกันพร้อมกัน ส่วน JetBrains มีการแยก changelist ตาม user ทำให้ลดโอกาส merge conflict ได้

🏆 Winner: Tie

Visual Studio Code Live Share และ JetBrains Code With Me ทำได้ดีทั้งคู่ในด้าน real-time collaboration ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวหรือเพื่อนร่วมทีมชอบใช้ tool ไหนมากกว่ากัน

Debugging & Testing Tools

🔧 Visual Studio Code

Visual Studio Code มีฟีเจอร์ debugging ในตัว และสามารถเพิ่มความสามารถผ่านการลง extension ได้

  1. มี debug panel ที่สามารถ
  • set breakpoint
  • inspect ตัวแปร
  • step-through code
  • evaluate expression

2. รองรับ JavaScript, TypeScript และ Node.js แบบ native

3. สำหรับภาษาอื่นหรือกรณีที่ต้อง debug ซับซ้อน อาจต้อง

  • ติดตั้ง extension ที่ support ภาษานั้นๆ
  • สร้างไฟล์ launch.json เพื่อ config debugger

การทำ testing ก็ต้อง setup เพิ่มเติม เช่น ติดตั้ง Jest extension สำหรับ JavaScript unit test

และถ้าใครลง Github Copilot extension ก็จะช่วย generate test case หรือแนะนำ fix สำหรับ test ที่ fail ได้เหมือนกัน

ตัวอย่าง launch.json

🧠 JetBrains IDEs

JetBrains IDEs มี debugging tool ที่จะอิงจาก run configuration ของผู้ใช้ และสามารถสร้าง run/debug configuration สำหรับ testing framework เช่น JUnit เพื่อใช้กับ environment ต่าง ๆ การเริ่ม debug ก็แค่กดปุ่ม Debug เหมือนกด Run โดยใช้ configuration เดียวกัน

ฟีเจอร์ที่ช่วย debug ก็จะมี

  • ตั้ง breakpoint
  • เลือกได้ว่าจะ step เข้า function ไหน ถ้าหลายฟังก์ชันอยู่ในบรรทัดเดียว
  • ตั้ง label ให้ object เพื่อติดตาม property change หรือ behavior ของ object ตลอด session ได้

ค่อนข้างเหมาะมากกับการ debug โค้ดที่มี data structure ซับซ้อน หรือทำงานแบบ concurrent

🧩 Comparison

📚 Summary

ทั้ง Visual Studio Code และ JetBrains IDEs ต่างมี debugging tool เป็นของตัวเอง

  • VS Code รองรับ JavaScript, TypeScript และ Node.js แบบ native และสามารถติดตั้ง extension เพิ่มเพื่อใช้กับภาษาอื่นๆ
  • JetBrains ได้เปรียบตรงที่ทุกอย่างมีให้พร้อมในตัว IDE โดยเฉพาะ run/debug configuration ที่ใช้งานได้เลย

🏆 Winner: JetBrains IDEs

ยกให้ JetBrains ชนะไป เพราะมี debugging tool ที่ใช้งานได้ทันทีแบบไม่ต้อง config อะไรเพิ่ม ใช้ run configuration เดียวกับตอน run app ได้ แต่ตอนรัน test รอบแรกอาจจะต้องปรับ config เพิ่มเติมนิดหน่อย

Refactoring & Code Intelligence

🔧 Visual Studio Code

Visual Studio Code มีตัวช่วย refactoring และ code intelligence ในตัวและสามารถลง extension เพิ่มสำหรับใช้ในแต่ละภาษา function refactor ที่ใช้กันบ่อยๆก็จะมี

  • Rename symbol
  • Extract variable
  • Extract method
  • Move to file
  • Find all implementation
  • Quick fixes

ส่วน feature ที่ช่วยเขียนโค้ดของ VS Code IntelliSense เช่น

  • Context-aware autocomplete
  • Parameter hints

สามารถลง extension เพื่อให้รองรับภาษาอื่นได้ ส่วนที่รองรับแบบ built-in จะมี TypeScript และ JavaScript

🧠 JetBrains IDEs

ส่วน JetBrains ก็จะมี refactoring feature ต่างๆ เช่น

  • Safe rename ที่จะแก้ import ให้ทั้งโปรเจกต์
  • Inline/invert functions
  • Extract interface หรือ superclass
  • Change method signature

JetBrains ยังให้ความสามารถด้าน code suggestion อื่น ๆ เช่น Type inference, redundant code detection หรือ Quick-fix intentions

🧩 Comparison

📚 Summary

Visual Studio Code ให้ refactoring และ code suggestion ผ่าน extension ที่ลงเพิ่มเป็นหลัก ส่วน JetBrains IDEs มาพร้อม refactoring tools ที่เข้าใจโค้ดและจะมีการอัพเดท dependencies ของโค้ดที่แก้อัตโนมัติ

🏆 Winner: JetBrains IDEs

ส่วนตัวแล้วรู้สึกสะดวกมาก เพราะสามารถ refactor ได้โดยไม่ต้องกังวลว่าโค้ดที่เกี่ยวข้องจะพัง เพราะ IDE จะอัปเดตทุกอย่างให้เองเลย

สรุป

  • Visual Studio Code มีจุดเด่นที่ใช้งานง่าย และสามารถปรับแต่งได้เยอะผ่านการลง Extension ต่าง ๆ ทำให้รองรับ programing languages ได้หลากหลาย
  • JetBrains IDEs มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ครบเครื่องแบบ built-in และมีความเข้ากันได้กับ programing language นั้นๆได้ดี แต่ก็แลกมากับการใช้ทรัพยากรเครื่องมากกว่า และยังไม่มี IDE ตัวเดียวที่รองรับทุกภาษาเหมือน Visual Studio Code

ข้อดี / ข้อเสีย

 Visual Studio Code

  • ใช้ทรัพยากรน้อย
  • Customizable สูงผ่าน Extension
  • รองรับหลาย programing languages ได้ใน IDE เดียว
  • Flexible เหมาะกับ Workflow หลากหลายรูปแบบ

 Visual Studio Code

  • ต้อง Setup Language Environment ด้วยตัวเอง
  • ความสามารถบางอย่างขึ้นอยู่กับ Extension ที่ติดตั้ง

 JetBrains IDEs

  • มี Built-in Features มาให้ครบตั้งแต่แรก
  • Integration กับแต่ละ Language ได้ดี
  • ใช้งานได้เลยแทบไม่ต้อง Setup เพิ่ม

 JetBrains IDEs

  • ใช้ Resource เครื่องเยอะกว่า
  • ต้องลง IDE แยกตามแต่ละ Language
  • Customization น้อยกว่า VS Code
สำหรับใครที่กำลังมองหาทีมงานมืออาชีพในการพัฒนาซอฟต์แวร์หรือแอปพลิเคชันเพื่อนำไปใช้งานในองค์กร ที่ PALO IT เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญด้าน Software Development และ Application Development พร้อมช่วยคุณตั้งแต่เริ่มต้นจนสามารถใช้งานได้จริง!

บริการของเราครอบคลุม:

  • ออกแบบและพัฒนาซอฟต์แวร์ (Software Development) ตามความต้องการเฉพาะของธุรกิจคุณ
  • สร้างแอปพลิเคชัน (Application Development) ให้ตอบโจทย์การใช้งานขององค์กรในทุกมิติ
  • ปรับแต่งและดูแลระบบให้มีประสิทธิภาพสูง รองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต
  • ทดสอบและประเมินผลอย่างมืออาชีพ เพื่อให้มั่นใจว่าระบบของคุณใช้งานได้จริงและมีประสิทธิภาพ

ไม่ว่าคุณจะมีไอเดียใหม่ๆ หรือมีระบบอยู่แล้วที่อยากต่อยอด PALO IT พร้อมเป็น partner ที่จะช่วยให้คุณก้าวไปได้ไกลยิ่งขึ้น

ทักไปที่เพจ Facebook: PALO IT Thailand ได้เลยครับ 🎉